ประกอบไปด้วยหลักๆ
E8400
DFI LANPARTY DK P35-T2RS
Gskill 2HK/800 2GB(1GBx2) (4-4-3-5)
พระเอกของงานในส่วนของ HW ก็เจ้า HK รุ่นเก่าๆนี้แหละ (Promo)
ตังค์ไม่มีเปลี่ยนงับ เลยไม่ได้หามาเทสหลายๆตัว หุหุ
ส่วนโปรแกรมที่จะใช้งานในวันนี้
ประกอบด้วย
cpuz
everest
memset 3.5 beta
พระเอกของงานในส่วนของ SW ก็คงเป็นเจ้า memset นี่แหละ
ซึ่งเราเลือกใช้ตัว 3.5 beta
โปรแกรม memset หากท่านใดไม่มีก็เลือกโหลดได้ตามสะดวกเลยนะงับ
Memset_3.3
Memset_3.4
Memset_3.5
Memset_3.5_Final
Study Mode
ขั้นแรกในการเริ่มงาน เราก็ต้องมาทำความรู้จักเจ้า timing กันซะก่อน
ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างรัย และจะดูได้อย่างรัยว่าค่ามาตรฐานของมันอยู่ที่เท่าไหร่
บางคนอาจให้ความสำคัญในส่วนนี้เพียงแค่4ตัวแรก เช่น 4-4-4-12 หรือ 5-5-5-15
แต่ความสำคัญของมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น และทาง DFI ได้ให้ความสำคัญในส่วนนี้ค่อนข้างมาก เลยให้ปรับแต่งกันเล่นๆไปเลยที่ 17 ตัว .... เหอะๆๆๆ
(แล้วท่านที่ไม่ได้ใช้บอร์ดตัวนี้หละ จะต้องทำยังงัย) นั้นไม่ใช่ปัญหางับ
วันนี้เราจึงนำเสนอมาตรฐานเดียวกัน ให้ลองทำตามกันแบบง่ายๆ ด้วยโปรแกรมที่ได้กล่าวไว้ขั้นต้น
เริ่มกันด้วยการตั้งค่า auto ทุกอย่างในไบออส โดยจะใช้ไฟแรมที่ 2.1 ตามมาตรฐานของแรมตัวนี้งับ เพื่อทำการอ่านค่ามาตรฐานต่างๆของแรมแล้วหละ
จากนั้นเมื่อทุกอย่าง auto หมดละ เราก็เข้าวินโดว์กันเลย....
เริ่มด้วยการเช็คค่า timing ด้วยโปรแกรมต่างๆ
ขั้นตอนนี้ก็ดูกันไปตามรูป แล้วก็ลองเปิดดูกันเลยนะครับ ว่ารายละเอียดของแรมที่คุณใช้เป็นแบบใดบ้าง
CPUZ
Everest (chipset)
Everest (spd)
Memset 3.5
หลังจากได้ทำการอ่านค่าต่างๆของแรม ด้วยโปรแกรมต่างดังรูป
ก็จะทำให้เราทราบถึงความแตกต่างในหลายๆจุด ซึ่งผมจะอธิบายรายละเอียดกันดังนี้เลยนะครับ
ค่ามาตรฐานที่อ่านได้และกำลังใช้งานในปัจจุบัน คือ 5-5-5-15 ซึ่งเป็นค่าปกติที่ OS สามารถรันเจอ โอ้..แน่นอนว่ามันทำไมไม่วิ่งตามสเป็กของแรมเราหว่า นั้นเป็นเรื่องปกติงับ ไม่ต้องซีเรียส ให้มองข้ามจุดนี้ไปได้เลย
แต่เราต้องมาให้ความสำคัญกันในส่วนของค่ามาตรฐานของตัวแรมจริงๆ ซึ่งก็คือค่า SPD ที่อ่านได้จากโปรแกรม everest และ memset
คราวนี้หละงับ เริ่มเข้าเรื่องละ เมื่อเราได้ค่าต่างๆกันอย่างละเอียดแล้ว ก็สามารถเริ่มลงมือเซ็ตค่าต่างๆได้ด้วยตัวท่านเองละ
แต่เดี๋ยวก็ครับ เพราะในเมนูการปรับแต่งในไบออสของแต่ละบอร์ดย่อมไม่เหมือนกัน มีรายละเอียดมากน้อยไม่เท่ากัน
ดังนั้นผมจึงขอแนะนำวิธีการง่ายๆ ซึ่งเชื่อแน่ว่าสามารถนำไปใช้งานได้กับทุกๆบอร์ด ก็คือ ให้เราไปเซ็ตค่าในไบออสเฉพาะตัวหลักๆ เช่น 4-4-3-5 (อันนี้แรมใครแรมมันนะครับ) และผมแนะนำว่าควรให้ความสำคัญเพิ่มอีก1ตัว คือ Refresh Cycle Time (tRFC)
ค่าตัวนี้มีความสำคัญอย่างไรรึ???? มันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัววัดประสิทธิภาพของแรมเลยก็ว่าได้ ว่าแรมท่านแหล่มเพียงใด
ค่าปกติที่เห็นชาวบ้านเขาทำกัน โดยเฉพาะชิบ D9 มักจะอยู่กันที่ 25 ต่ำกว่านี้ไม่ค่อยได้เห็นซักเท่าไหร่ (แต่ก็มีนะครับ)
แต่แรมของผมในวันนี้ขอตั้งไว้ที่ 30 เพราะว่าหากเราคลายค่าตัวนี้แล้ว จะทำให้สามารถใช้ไฟที่ต่ำกว่าสเป็กเดิมๆของแรมได้อย่างสบายมาก การที่แรมเวลาลากบัสสูงๆแล้วทำให้เทสไม่ผ่านหรือติดขัด มักจะอิงค่าตัวนี้ค่อนข้างมาก
ผมให้ข้อสังเกตุนิดนึง ซึ่งทุกท่านสามารถนำไปทดลองเองได้นะครับ ก็คือให้ลองไปปล่อยค่าตัวนี้ให้เป็น auto แล้วไปลอง OC บัสของแรมให้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นให้ลองสังเกตุการเปลี่ยนแปลงได้เลยครับ ว่าค่าดังกล่าวจะทำการคลายตัวเองไปเรื่อยๆ จนดูหลวมซะเกินไป ดังนั้นจึงอยากจะแนะนำให้ไปฟิคไว้อีกตัวนึง
สรุปเลยก็คือ
ผมจะไปเซ็ตค่าต่างๆในไบออสไว้ทั้งหมด 5ตัว คือ 4-4-4-5-30
(ตัวที่3 ที่เปลี่ยนจาก 3 เป็น 4 เพราะความสวยงามและให้มันดูหลวมๆหน่อยแค่นั้นนะครับ เพื่อที่จะใช้ในการ OC ต่อไป หุหุ)
จากนั้นเราถึงจะเริ่มมาใช้งาน memset กันอย่างจริงๆจังแล้วหละครับ
ปล.ของท่านอื่นอาจเซ็ตไว้ที่
4-4-4-9-25
4-4-4-12-30
4-4-4-12-35
5-5-5-15-35
หรือแล้วแต่จะลองเทสว่าแรมไหวหรือเปล่านะงับ
หลักจากได้ลองเซ็ตค่าที่ได้ว่าไปแล้วจำนวน 5 ตัวด้วยกันคือ 4-4-4-5-30
คราวนี้จะมาว่ากันเต็มๆเฉพาะโปรแกรม memset แล้วนะครับ
เริ่มด้วยการเช็คก่อนเลยว่า มันอ่านได้อย่างรัยกันบ้าง....
เพื่อให้เห็นภาพถึงความแตกต่างของการตั้งค่าแบบ auto และการเซ็ตค่าในไบออสแบบ manual เฉพาะ 5ตัวหลัก
ก็จะขอเปรียบเทียบและอธิบายความสัมพันธ์ของค่าแต่ละตัวดังนี้ครับ
คงเห็นความเปลี่ยนแปลงกันบ้างแล้วนะครับ
ค่าทางด้านซ้ายได้มาจากค่าที่เราตั้งในไบออสไว้ที่ auto หรือตั้งไว้ที่ CL5
ค่าทางด้านขวาได้มาจากค่าที่เราตั้งในไบออสไว้ที่ CL4
สรุปกันง่ายๆเลยคือว่า ค่า timing จะมีชุดย่อยให้เห็นกันจะๆอยู่2ชุด คือตัวสีแดงกับน้ำเงินที่เปลี่ยนแปลงไป
ค่าสีแดงจะเปลี่ยนแปลงตามค่า timing ตัวที่ 3 ที่พอเราตั้งไว้ที่ 4 ทั้งชุดจะอ่านค่าเองโดยอัตโนมัติไปที่4
พอตั้งไว้ที่ 5 ทั้งชุดจะอ่านค่าเองโดยอัตโนมัติไปที่5
จึงพอสรุปได้คร่าวๆว่า มันเป็นค่าที่เหมาะสมที่ระบบของแรมทำการใช้งานให้สัมพันธ์กับ 4ตัวหลักที่เราไปเซ็ตเอาไว้
ค่าสีน้ำเงินคือค่าที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน โดยเมื่อยิ่งบีบ4ตัวแรกให้เน้นขึ้น ค่าก็จะวิ่งต่ำลง แต่เมื่อคลาย4ตัวแรกให้หลวมลงอีก ค่าเหล่านั้นก็จะยิ่งหลวมตามไปอีก
แต่เดี๋ยวก่อน ยังไม่หมดเพียงแต่เท่านี้ เพราะยังมีค่าอีก2ตัวที่มีความสำคัญเช่นกัน
คือ Performance level และ Refrest Period(tREF) จากรูปก็จะเห็นว่าถูกตั้งอัตโนมัติไว้ที่ 7 และ 3120
ค่าดังกล่าวเป็นค่ามาตรฐานส่วนมากที่แรมทั่วไปสามารถทำงานได้ ซึ่งในส่วนนี้ก็แล้วแต่แรมแต่ละตัวว่าจะลองรับการทำงานที่เท่าไหร่นะครับ ส่วนตัวผมแนะนำให้ลองตั้งเป็นค่าปกติที่มันได้ทำการเซ็ตให้เลยก็ดีครับ หรือหากเราลองใช้งานจนคล่องหรือรู้ถึงประสิทธิภาพของแรมเราอย่างเต็มที่ละ เราก็สามารถปรับแต่งให้แตกต่างไปจากนี้ได้
เมื่อเราได้ค่าต่างๆแล้วก็ทำการ save ได้เลยครับป๋ม ต่อไปเมื่อเข้าวินโดว์ ก็จะได้การทำงานของแรมตามที่เราต้องการละ
Overclock Mode
หลังจากได้รู้ถึงรายละเอียดของแต่ละค่าแล้วนะครับ หวังว่าทุกคนคงอ่านค่าต่างๆเป็น และสามารถใช้งานตัวโปรแกรมได้ละ
คราวนี้เราจะมาเริ่มต้นในโหมดของ OC กันได้เลยครับ เดี๋ยวจะได้รู้กันละว่าการ OC Ram มันจะยากอย่างที่คิดกันหรือเปล่า
โดยเทคนิคง่ายๆ เพื่อเป็นการเริ่มต้นก็คือทำการฟิคในไบออส5ตัวแรกที่เคยแนะนำไว้ก่อนเลย จากนั้นเดี๋ยวจะแนะนำกันต่อไปครับว่าต้องเซ็ตค่าต่างๆแบบไหนถึงจะรอด.. หุหุ
โดยคราวนี้ป๋มจะเริ่มอัดค่า timing ให้แน่นลงกว่าเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและจะลดการใช้พลังงานของไฟในการอัดให้น้อยที่สุด
เป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อเป็นตัวอย่างก็เพียงแค่จาก 800 ไปที่ 1000 นะครับ โดยจะเพิ่มไฟจากค่ามาตรฐานของแรมให้น้อยที่สุด
เริ่มด้วยการกดค่าลดลงนิดหน่อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และตั้งค่า Refresh Cycle Time ไว้ที่ 30 อย่างที่เคยบอกไปครับว่า ค่านี้ยิ่งหลวมยิ่งประหยัดไฟ แต่จะจริงมั้ยท่านต้องลองดูเอง หุหุ
ผมจะใช้ค่า timing ชุดนี้ทั้งชุดในโหมดของการ OC โดยที่จะทำการลากบัสของแรมและทำการเพิ่มไฟเท่านั้น
โดยที่ผมจะไม่ไปยุ่งในไบออสในส่วนของแรมอีกแล้วนะครับ จะเซ็ตไว้เพียงแค่ 5 ตัวเท่านั้น
เริ่มด้วยบัส 900 ไฟ 2.1 ทดสอบด้วย hiperpi 4M นะครับ พอดีต้องเทสเบาหน่อยเพราะเขียนไปเทสไปกันสดๆ เดี๋ยวรอนานงับ หุหุ
ระหว่างการเทสนี้ จะใช้อัตราทดแรม 5:6 เวลาที่เทสออกมาอย่าไปซีเรียสนะครับ เอาแค่ผ่านๆพอละ
บัส 960 ไฟ 2.1 (ไฟเดิมๆผ่านด้วยแฮะ หุหุ)
บัส 1000 ไฟ 2.25 ผ่านฉลุย
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าให้ลอกเลียนแบบซะทั้งหมดนะครับ แต่เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น
เพราะแรมแต่ละตัว ความสามารถย่อมแตกต่างกันออกไป รายละเอียดของ timing ก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน
โดยท้ายที่สุดคุณเท่านั้นที่จะเป็นคนไล่ค่าเองทั้งหมด เพื่อให้ส่งผลต่อประสิทธิภาพรวมถึงบัสที่เพิ่มมากขึ้น
อย่าลืมว่าการคลายค่า timing ให้หลวมก็จะสามารถทำให้ลากบัสได้ไกลขึ้น
แต่ก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลของค่า timing
ต่างๆลดน้อยลงตามลำดับ ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วหละครับ ว่าจะเลือกเอาค่า CL สวยๆ ไฟมากๆ หรือจะใช้ CL หลวมๆไฟต่ำ
แต่ทั้งหมดนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อให้รู้ถึงการใช้งานของโปรแกรมดังกล่าว
รวมถึงการเรียนรู้ถึงรายละเอียดของแรมที่เราใช้
ว่าใช่แต่จะมีความสำคัญเพียงแค่การอัดไฟเข้าไปมากๆ เพื่อให้ได้บัสไกลๆ
แต่ค่าต่างๆของ timing ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
สุดท้ายก็ขอให้สนุกกับการใช้โปรแกรม memset นะครับ โอกาสหน้าคงได้หาโปรแกรมดีๆมาแนะนำเทคนิคการใช้งานกันอีกต่อไป....
สุดท้ายก็ขอให้สนุกกับการใช้โปรแกรม memset นะครับ โอกาสหน้าคงได้หาโปรแกรมดีๆมาแนะนำเทคนิคการใช้งานกันอีกต่อไป....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น